December 4, 2014
ลวดสลิง ยกของ และอุปกรณ์ยกของที่จำเป็นในการต่อลวดสลิงหรือทำห่วง
ลวดสลิง Wire Rope Sling
- ลวดสลิงมีคุณสมบัติแตกต่างกันขึ้นอยู่กับการใช้งาน อันได้แก่ ลวดสลิง ที่แบบเคลื่อนที่ จะเป็นลวดสลิงแบบทั่วไป โดยถูกวางบนลูก รอกทด หรือลูกกลิ้ง ลวดสลิง แบบนี้จะได้รับแรงเค้นโดยการบิดเป็นหลัก และรองการดึง ต้องมีค่าความปลอดภัยไม่น้อยกว่า 6
- ลวดสลิงยึดโยง ที่ใช้งานอยู่กับที่ ต้องมีค่าความปลอดภัยไม่น้อยกว่า 3.5
- ลวดสลิงที่นำมาผูกรัดวัสดุ ต้องมีค่าความปลอดภัยไม่น้อยกว่า 5
ราคาสเก็น สเก็นโอเมก้า Shackle
โครงสร้างของเชือกลวดสลิง
ลวดสลิงประกอบด้วย
* ลวดเหล็กกล้า(wire)จะเป็นเส้นลวดขนาดเล็กสามารถทนแรงดึงได้สูง มีสภาพดัดโค้งงอได้ เป็นส่วนที่ย่อยที่สุด
* ลวดตีเกลียว(strand)กลุ่มเกลียวที่เกิดจากการรวมตัวของเส้นลวดหลายๆเส้น มาทำเกลี่ยวรวมกัน
* แกนลวดสลิง(core)มีอยู่ด้วยกันสองชนิด คือชนิดที่เป็นไฟเบอร์ (Fibre Core)และชนิดที่เป็นลวดเส้นใหญ่(Wire Core) อยู่ตรงใจกลางของลวดสลิง
จำนวนเส้นลวดของลวดตีเกลียวแต่ละเกลียวของเชือกลวดเหล็กกล้าจะแตกต่างกัน ขึ้นกับวัตถุประสงค์ของการใช้งาน โดยเชือกลวดเหล็กกล้าจะระบุเป็นจำนวนเกลียวของลวดตีเกลียว และบอกถึงจำนวนลวดเหล็กกล้าในลวดตีเกลียวแต่ละเกลียว เช่น 6×19 หมายถึง เชือกลวดเหล็กกล้าที่มีจำนวนลวดตีเกลียว 6เกลียว และในแต่ละเกลียวจะประกอบด้วยลวดเหล็กจำนวน 19เส้น
นอกจากนี้ขนาดของลวดตีเกลียวในแต่ละเกลียวมีทั้งที่มีขนาดเท่ากัน และต่างกัน โดยมีรูปแบบการใช้งานอยู่ 5 แบบใหญ่ๆ ดังนี้
1. Ordinary : เป็นแบบที่ลวดมีขนาดเท่ากันหมด ซึ่งการใช้งานที่นิยมที่สุดจะใช้ลวดเหล็ก 7 เส้นในลวดตีเกลียว 1 ขด (7-wire strand)
2. Seale (สัญลักษณ์ S) : เป็นแบบที่ลวดตีเกลียว 2 ชั้นรอบแกน โดยขนาดของลวดในลวดตีเกลียวชั้นนอกจะใหญ่กว่าด้านใน เพื่อผลของความต้านทางการเสียดสี และขนาดลวดด้านในที่เล็กกว่า จะเพิ่มความสามารถในการยืดหยุ่น (flexibility)
3. Warrington (สัญลักษณ์ W) : เป็นแบบที่ลวดตีเกลียวมีทั้งขนาดใหญ่และเล็กรวมกันในชั้นนอกของลวดตีเกลียวส่วนชั้นในของลวดตีเกลียว ประกอบด้วยลวดขนาดเดียวกัน และมีจำนวนครึ่งหนึ่งของจำนวนลวดชั้นนอก
4. Filler wire (สัญลักษณ์ Fi) : เป็นแบบที่ลวดตีเกลียวทั้ง 2 ชั้นมีขนาดเท่ากัน โดยจำนวนลวดเหล็กชั้นนอกจะมากกว่าชั้นใน 2 เท่า และมีลวดเล็กๆ แทรกอยู่ในช่องว่างของทั้ง 2 ชั้น และมีจำนวนเท่ากับจำนวนลวดเหล็กชั้นใน
5. Combination : เป็นรูปแบบการตีเกลียวที่ผสมกันระหว่างแบบ Seale, Warrington และ Filler wire
สำหรับแกนของเชือกลวดเหล็กกล้า จะทำหน้าที่รักษารูปทรงของเชือกลวดเหล็กกล้าให้กลม และรักษาให้ลวดตีเกลียวอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมในระหว่างการใช้งาน ซึ่งส่วนใหญ่แกนที่เลือกใช้จะมีอยู่ด้วยกัน 3 แบบ คือ
- แกนที่เป็นเชือกลวดเหล็กกล้า (Independent wire rope core : IWRC) แกนที่เป็นเชือกลวดเหล็กกล้าจะเพิ่มความแข็งแรง ช่วยต้านทานต่อการกระแทก และต้านทานต่อความร้อนได้สูงที่สุด ซึ่งการใช้งาน IWRC จะใช้เป็นแกนขนาดเล็ก สำหรับผลิตเชือกลวดเหล็กกล้าขนาดใหญ่
- แกนที่เป็นลวดตีเกลียว (Wire strand core : WSC) จะมีความต้านทานต่อความร้อนมากกว่าแกนที่เป็นไฟเบอร์ และเพิ่มความแข็งแรงให้กับเชือกลวดประมาณ 15% แต่ทำให้มีความยืดหยุ่นที่น้อยกว่าแกนที่เป็นไฟเบอร์
- แกนที่เป็นไฟเบอร์ (Fiber core : FC) ส่วนใหญ่ใช้เป็น polypropylene (PP) หรือ polyvinylchloride (PVC) ซึ่งมีข้อได้เปรียบคือเพิ่มให้ความยืดหยุ่น (flexibility) ให้สูงขึ้น และช่วยรองรับแรงค่าความเค้นที่เกิดจาก shock loads นอกจากนี้ยังป้องกันความเสียหายจากการกัดกร่อน (เนื่องจากไม่ดูดซับความชื้น) ผุ (rot) และทนต่อสภาพกรดหรือด่างอ่อนๆ ได้
ลวดสลิงมีจำหน่ายกันในท้องตลาดนั้นจะมาเป็นม้วนใหญ่ยาว เมื่อจะนำมาใช้จึงต้องตัดให้ได้ความยาวที่เหมาะกับการใช้งาน เมื่อตัดลวดสลิงส่วนปลายของลวดสลิงนั้นจะแยกออกจากกันทันทีเมื่อถูกตัดและไม่สามารถที่จะใช้ต่อกับอุปกรณ์ต่างๆได้
วิธีการตัด ลวดสลิง
- มัดขดลวดสลิงทั้ง2จุด โดยให้ปลายของลวดที่มัดห่างจากกันเท่ากับระยะขนาดของเส้นผ่าศูนย์กลางของขดลวดสลิง
- เก็บปลายลวดที่มัดให้เรียบร้อย
- ทำการตัดขด ลวดสลิง ที่กึ่งกลาง ระหว่างที่มัดลวดทั้งสองด้าน
ถ้าปลายลวดสลิงจะแตกออกจากกลุ่มลวด ถ้าเกิดลักษณะเช่นนี้ให้ใช้ลวดมัดตรงส่วนที่ยังไม่มีการแตกตัวของกลุ่มแล้วทำการตัดปลายลวดส่วนที่แตกออกจากขดลวด
การทำห่วงด้านปลายของลวดสลิง
- ห่วงชนิด Flemish Eye หรือ Eye Splice
เป็นการขึ้นรูปห่วง โดยทำการแยกขดลวดเป็นสองกลุ่มแล้วถักพันกลับเข้าเป็นห่วง แล้วใช้ปลอกเหล็ก รูปทรงกระบอกหุ้มข้อไว้ จากนั้นใช้เครื่องมือกลในการรัดให้แน่นกับลวด
- ห่วงชนิด Turnback เป็นการขึ้นรูปห่วง โดยการม้วนสลิงกลับมาทบกัน แล้วใช้ปลอกเหล็ก รูปทรงกระบอกหุ้มข้อไว้ จากนั้นใช้เครื่องมือกลในการรัดให้แน่นกับลวด
อุปกรณ์ที่ใช้ป้องกัน ลวดสลิง เสียหาย
ห่วงวงรี หรือ ห่วงหัวใจ Thimbles กับการใช้งาน
ห่วงวงรี ถูกออกแบบมาเพื่อป้องกัน ลวดสลิง ไม่ให้ถูกขูดขาดหรือแตกเกลียวจากการเสียดสี ที่เกิดขั้นในขณะใช้ยกอุปกรณ์ร่วมกับ ตะขอยก Hook และ สเก็น Shackle
เมื่อลวดสลิงถูกม้วนเป็นห่วงปลายนั้น มีโอกาสที่ลวดสลิงอาจจะถูกบิดแน่นเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อห่วงนั้นต่อกับอุปกรณ์ที่กระจายน้ำหนักกระทำกับพื้นที่เล็กๆของลวดสลิง ดังนั้นห่วงหัวใจจะถูกใส่เข้าไปในห่วงปลายเพื่อจะรักษารูปทรงของห่วงและป้องกันสายลวดสลิงเสียหายจากแรงกดภายในห่วง การใช้ห่วงหัวใจนั้นเป็นวิธีการที่ดีที่สุด Best Practice ซึ่งช่วยป้องกันแรงกระทำต่อหน้าสัมผัสกับลวดสลิงโดยตรง
ลวดสลิงเกลียวขวา (RHOL) เข้าหัวกับห่วงหัวใจและอัดปลอก |
คลิปจับลวดสลิง (wire rope clamps/clips)กับการใช้งาน
คลิปจับลวดสลิง ใช้สำหรับยึดปลายของห่วงเข้ากับเส้นลวดสลิง ตัวคลิปจับนั้นประกอบไปด้วยโบลต์รูปตัวยู (ยูโบลต์ U bolt), ตัวรองทำจาก เหล็กหล่อและน็อต 2 ตัว ลวดสลิงสองเส้นจะวางรัดอยู่ในตัวยูโบลต์ ตัวรองนั้นจะรองรับตัวลวดสลิงเข้ากับโบลต์ (ตัวรองมี 2 รู เพื่อร้อยใส่กับ ตัวยูโบลต์) จากนั้นน็อตจะยึดลวดสลิงเข้าด้วยกัน โดยทั่วไปการเข้าหัวลวดสลิงนั้นจะใช้คลิปจับ 2-3 ตัว แต่สำหรับลวดสลิงขนาด 2 นิ้ว (50.8 mm) นั้นจะต้องใช้คลิปจับถึง 8 ตัว ดังสำนวนที่ว่า “be sure not to saddle a dead horse” ซึ่งหมายความว่า เวลาติดตั้งคลิปจับ ตัวรองของคลิปจับ นั้นจะอยู่บนลวดสลิงเส้นที่รับน้ำหนัก หรือด้านที่ใช้งาน (“live” side) ไม่ใช่อยู่บนด้านที่ไม่ได้รับน้ำหนัก (“dead” side)
คลิปจับลวดสลิงมี 2ประเภท
- คลิปที่มีอานม้าตัวเดียว Single Saddle
- คลิปที่มีอานม้าตัวสอง Double Saddle
Single Saddle Double Saddle |
ขั้นตอนการใช้คลิป ล็อกลวดสลิง
- ทบลวดสลิงให้ได้ตามมาตราฐานที่กำหนด ขนาดลวสลิง สัมพันธ์กับความยาวทบตามตารางด้านล้าง
- ใส่คลิปตัวที่ 1 จากทางด้านปลายสุด
- แล้วใส่ห่วงวงรี Thimbles ที่ห่วงลวดสลิง
- ใส่คลิปตัวที่ 2 ใส่ ที่ปลายห่วงวงรี Thimbles
- ใส่คลิปตัวที่ 3 ใส่ให้อยู่กึ่งกลางระหว่างคลิปตัวที่1 และ 2
- ทำการล็อคคลิปให้แน่น โดยใช้ประแจขัน
( มาตรฐานระยะห่างระหว่างคลิป แต่ละตัวจะมีระยะห่างเท่ากับขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของลวดสลิงคูณด้วย 6 )
สเก็น Shackles กับการใช้งาน
ห่วงสเก็น ใช้เพื่อประกอบชิ้นงานเข้ากับลวดสลิง ในลักษณะงานเคลื่อนย้าย
สเก็น มี2รูปแบบคือ Dee Shackle และ Bow Shackle
แต่มีสลักของ สเก็น มี3แบบคือ
- Screw Pin ชนิดที่ปลายสลักด้าหนึ่งเป็นเกลี่ยวเพื่อขันยึดเข้ากับตัวห่วง
- Bolt Pin ชนิดที่สลักเป็นเกลียวและมีน็อตประกอบที่ปลายด้านหนึ่ง และใส่ปริ้นล็อดที่ด้านปลายของสลัก
- Round Pin ชนิดที่เป็นสลัก ปลายด้านหนึ่งมีรูสำหรับปริ้นล็อค
Dee Shackle Bow Shackle |
Screw Pin Shackle Bolt Pin Shackle Round Pin Shackle |
การใช้งานสเก็น ต้องให้ลวดสลิงทำมุมอยู่บริเวณส่วนโค้งของห่วงสะเก็น และไม่ห้ามใช้วัสดุอื่นมาทำแทนสลัก
เลือกใช้สะเก็น ที่มีสลักเป็นเกลี่ยวและน็อตที่ปลายและมีปริ้นล็อคสำหรับงานที่มีโอกาสการเคลื่อนตัวของสลักหรือใช้สำหรับงานประจำที่ใช้งานเป็นระยะเวลานาน เลือกใช้สเก็น ที่มีสลักเป็นเกลี่ยวสำหรับการใช้งานชั่วคราว
Eye Bolt และ Eye Nut กับการใช้งาน การใช้ eye bolt ต้องมีค่าความปลอดภัยไม่น้อยกว่า 3.5 เมื่อติดตั้งในช่องเกลียวที่จัดทำขึ้น และขันสลักให้แน่นตามขนาดที่กำหนด เมื่อประกอบเข้าไปแล้วส่วนของบ่าจะต้องสัมผัสกับชิ้นงานทั้งหมด ในกรณีบ่าของ eye bolt ไม่สามารถสัมผัสกับชิ้นงานให้ใส่แหวนรองบ่าและทำการขันให้แน่น
อุปกรณ์ที่นำมาคล้องเข้ากับหูยกเมื่อทำมุมองศาไม่ถูกต้องจะทำให้ขีดความสามารถในการใช้งานลดลง
โซ่ Chain กับการใช้งาน
โซ่ เป็นอุปกรณ์ปะกอบการยกอีกชนิดหนึ่งที่ใช้กันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะใช้กับการเกาะยึดวัสดุหรือชิ้นงานต่างๆ โดยปกติ โซ่ จะมีความแข็งแรงสามารถทนแรงดึงได้มากกว่า ลวดสลิง ที่มีขนาดโตเท่ากัน โซ่ จะต้องมีค่าความปลอดภัยไม่น้อยกว่า4.0
ก่อนการใช้งานโซ่ ต้องทำการตรวจสอบโซ่ทุกข้อเพื่อดูการสึกหรอ รอยบาก รอยกัดเซาะ การยืดตัว การบิดตัว งอตัวหรือขาด และต้องมั่นใจว่าข้อต่อจุดต่อของ โซ่ ทุกจุดมีความแข็งแรงตามค่าความปลอดภัย
ข้อควรระวังในการใช้โซ่
- ห้ามบิดพันหรือขด โซ่เพื่อต้องการให้สั้นลง
- ขณะทำการยกให้ยกอย่างราบเรียบสม่ำเสมอไม่ให้เกิดแรงกระคุก
- ต้องรู้ขนาดของวัสดุที่จะทำการยก ต้องไม่เกินขีดความสามารถของโซ่
- เมื่อใช้โซ่รัดสินค้าที่มีคม ต้องใช้วัสดูรองมุมคมป้องกัน โซ่ คดบิดงอหรือขาด
- ห้ามใช้อุปกรณ์ประกอบโว่ที่ผลิตขึ้นเองเช่น ห่วงโซ่ เป็นต้น
- ห้ามนำโซ่ หรืออุปกรณ์ต่อโซ่ ถูกความร้อนสูง
- หมั่นตรวจสอบ โซ่ อย่างน้อยเดือนละครั้ง
บทความที่เกี่ยวข้องกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.siamsafety.com